บริษัท ไทย ออโต ทูลส์ แอนด์ ดาย จำกัด (มหาชน) หรือ “TATG” ผู้นำอุตสาหกรรมแม่พิมพ์โลหะ อุปกรณ์จับยึด และชิ้นส่วนยานยนต์รายใหญ่ พร้อมเทรดวันแรกในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai)
ในวันที่ 8 ตุลาคมนี้ มั่นใจ ปัจจัยพื้นฐานธุรกิจแข็งแกร่ง ด้วยประสบการณ์กว่า 30 ปี พร้อมเดินหน้าขยายธุรกิจ และลงทุนในเครื่องจักรเพิ่มเติม โดยนำเทคโนโลยีที่ทันสมัยเข้ามาเพิ่มศักยภาพการผลิต ยกระดับมาตรฐานสินค้า และการให้บริการแบบครบวงจร อีกทั้งไม่หยุดนิ่งในการวิจัยและพัฒนา เพื่อให้บริษัทฯ สามารถเติบโตไปกับเมกกะเทรนด์ของอุตสาหกรรมยานยนต์โลก ตอกย้ำให้ TATG คือตัวจริงเสียงจริงในฐานะผู้นำด้านแม่พิมพ์และชิ้นส่วนยานยนต์ ที่ได้รับการยอมรับในระดับภูมิภาคเอเชีย อย่างไรก็ดีแนวโน้มอุตสาหกรรมยานยนต์ที่ทยอยฟื้นตัวในช่วงหลังจากนี้ เป็นโอกาสของ TATG เนื่องจากอยู่ในธุรกิจต้นน้ำของอุตสาหกรรม ด้านบทวิเคราะห์จาก 2 บริษัทหลักทรัพย์ชั้นนำประเมินราคาเหมาะสมอยู่ที่ 1.77 – 1.98 บาท/หุ้น
ดร.พยุง ศักดาสาวิตร ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ไทย ออโต ทูลส์ แอนด์ ดาย จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า บริษัทฯ พร้อมเข้าซื้อขายเป็นวันแรกในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) ในกลุ่มสินค้าอุตสาหกรรม (INDUS) ในวันที่ 8 ตุลาคม 2567 ในชื่อย่อหลักทรัพย์ว่า “TATG” นับเป็นอีกก้าวสำคัญสู่การเติบโตอย่างยั่งยืน ในฐานะผู้ออกแบบและผลิตเครื่องมือสำหรับอุตสาหกรรมรถยนต์ (Tooling) ครอบคลุมถึงการออกแบบและผลิตแม่พิมพ์โลหะ (Dies) อุปกรณ์จับยึดเพื่อการตรวจสอบ (Checking Fixtures) อุปกรณ์จับยึดเพื่อการประกอบ (Assembly Jigs) และผลิตชิ้นส่วนรถยนต์ (Press Parts) สำหรับจำหน่ายภายในประเทศและส่งออกไปทั่วโลก
โดยโครงสร้างการบริหารงานของกลุ่มบริษัท ประกอบด้วย บริษัท ไทย ออโต ทูลส์ แอนด์ ดาย จำกัด (มหาชน) เป็นสำนักงานใหญ่ และอีก 3 บริษัทย่อย ได้แก่
- บริษัท ไทย ออโต ทูลส์ (ปทุมธานี) จำกัด หรือ TATP
- บริษัท ไทย ออโต ทูลส์ (ชลบุรี) จำกัด หรือ TATC
- บริษัท ไทย ออโต ทูลส์ (อีสเทิร์น) จำกัด หรือ TATE
ซึ่งล้วนตั้งอยู่ในแนวยุทธศาสตร์ของอุตสาหกรรมรถยนต์ มีการบริหารงานแบบ Business Unit ทำให้คล่องตัวในการบริหารทรัพยากรบุคคล การผลิต และการดูแลลูกค้า สามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้ในทุกมิติ ควบคู่กับการบริหารจัดการต้นทุน และส่งมอบสินค้าให้กับลูกค้าได้อย่างรวดเร็วและตรงต่อเวลา
วันนี้ TATG พร้อมแล้ว ที่จะนำพาองค์กรที่แข็งแกร่งกว่า 30 ปี เข้ามาระดมทุน เพื่อวางรากฐานการเติบโตอย่างยั่งยืน พร้อมให้ทุกท่านได้เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในความสำเร็จไปพร้อมกับเรา ในฐานะบริษัทผู้ผลิตแม่พิมพ์และชิ้นส่วนยานยนต์ของคนไทย ที่ได้รับการยอมรับในระดับภูมิภาคเอเชีย โดยเงินที่ได้จากการระดมทุน จะนำไปใช้ลงทุนเครื่องจักรในกลุ่มบริษัท เพื่อผลิตสินค้าให้มี Productivity สูงขึ้น ใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในการประกอบกิจการ และใช้เพื่อจ่ายคืนเงินกู้ยืมจากสถาบันการเงิน สร้างความพร้อมในการผลิตและการจัดจำหน่ายสินค้า รองรับโอกาสการเติบโตไปพร้อมกับเมกกะเทรนด์ของอุตสาหกรรมยานยนต์ และการเปลี่ยนผ่านสู่ยุคยานยนต์ไฟฟ้าที่กำลังขยายตัวในอนาคต
สำหรับการเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) ในครั้งนี้ กลุ่มผู้ถือหุ้นเดิมทำข้อตกลงในสัญญาไม่จำหน่ายจ่ายหุ้นเดิมเป็นระยะเวลา 30 วัน เพื่อสร้างความเชื่อมั่นต่อนักลงทุน
นายประเสริฐ ตันตยาวิทย์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ที่ปรึกษา เอเซีย พลัส จำกัด ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงิน บริษัท ไทย ออโต ทูลส์ แอนด์ ดาย จำกัด (มหาชน) หรือ “TATG” เปิดเผยว่า TATG เป็นหุ้นน้องใหม่ที่มีความน่าสนใจเป็นอย่างมาก ด้วยปัจจัยพื้นฐานของบริษัทฯ และโครงสร้างธุรกิจมีความแข็งแกร่ง มีระบบการผลิตที่ได้มาตรฐานสากลครอบคลุมทั้งการผลิตเครื่องมือและชิ้นส่วนสำหรับอุตสาหกรรมยานยนต์ ตลอดจนทีมผู้บริหารที่มีประสบการณ์ และบุคลากรที่มีความเชี่ยวชาญ เป็นหัวใจสำคัญที่ช่วยผลักดันให้บริษัทฯ เติบโต และสามารถให้บริการลูกค้าครอบคลุมแบบ One Stop Service โดย TATG ถือเป็นผู้ผลิตต้นน้ำ (Upstream) ที่สามารถดำเนินธุรกิจตั้งแต่การออกแบบแม่พิมพ์โลหะและเครื่องมือได้เอง ด้วยต้นทุนที่อยู่ในระดับต่ำกว่าการนำเข้าจากต่างประเทศ จึงสร้างความได้เปรียบและความสามารถแข่งขัน รวมทั้งต่อยอดไปยังการผลิตอุปกรณ์จับยึด อุปกรณ์ตรวจสอบ และเป็นผู้ผลิตชิ้นส่วนให้แก่ลูกค้าในอุตสาหกรรมรถยนต์ที่ได้รับความเชื่อมั่น สามารถสร้างการเติบโตทางธุรกิจมาอย่างต่อเนื่อง
นอกจากนี้ TATG มีพาร์ทเนอร์ในอุตสาหกรรมและฐานลูกค้าที่หลากหลาย ครอบคลุมทั้งรถยนต์นั่งส่วนบุคคล และรถกระบะ ทำให้สามารถกระจายความเสี่ยงทางธุรกิจได้ดี สะท้อนจากในปีนี้ ภาพรวมตลาดรถยนต์ในประเทศไทยมีแนวโน้มลดลง แต่ตลาดส่งออกรถกระบะหลังจากสถานการณ์ปลดล็อกโควิดมีการเติบโตต่อเนื่อง จึงช่วยลดผลกระทบจากตลาดในประเทศที่ชะลอตัว และเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้ผลประกอบการของ TATG สามารถสร้างการเติบโตได้อย่างน่าสนใจ อย่างไรก็ดีภาพรวมตลาดรถยนต์ในประเทศมีแนวโน้มการฟื้นตัวที่ดี ลูกค้าของกลุ่มบริษัทฯ ทยอยเปิดตัวรถยนต์รุ่นใหม่ อีกทั้งกลุ่มบริษัทฯ ยังได้วางแผนและเตรียมความพร้อมสำหรับการผลิตชิ้นส่วนรถยนต์และแม่พิมพ์โลหะ ซึ่งรวมถึงการลงทุนในเทคโนโลยี เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและความรวดเร็วในการผลิต ลดต้นทุน และเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน จึงมองว่า TATG มีความพร้อมรองรับการขยายตัวของอุตสาหกรรมยานยนต์ในอนาคต และสามารถสร้างผลตอบแทนระยะยาวได้
ด้าน นางยอดฤดี สันตติกุล กรรมการบริหารและผู้บริหารสูงสุดสายงานตลาดทุน บริษัทหลักทรัพย์ เอเซีย พลัส จำกัด ในฐานะผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่าย กล่าวว่า TATG เสนอขายหุ้นสามัญแก่ประชาชนเป็นครั้งแรก (IPO) จำนวน 100 ล้านหุ้น ในช่วงระหว่างวันที่ 30 กันยายน – 2 ตุลาคมที่ผ่านมา มีนักลงทุนให้ความสนใจจองซื้อเข้ามาเป็นจำนวนมาก สะท้อนถึงความเชื่อมั่นที่นักลงทุนมีต่อบริษัทฯ และการกำหนดราคา IPO ที่ราคาเสนอขายหุ้นละ 1.25 บาท เป็นระดับราคาที่เหมาะสม คิดเป็นอัตราส่วนราคาต่อกำไรสุทธิต่อหุ้น (P/E Ratio) ภายหลังการเสนอขายหุ้น (Fully Diluted) เท่ากับ 5.2 เท่า
โดยบทวิเคราะห์จาก 2 บริษัทหลักทรัพย์ชั้นนำ ที่จัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่าย ให้มูลค่าเป้าหมายของ TATG ปี 2568 ราคาเหมาะสมอยู่ที่ 1.77 – 1.98 บาท/หุ้น ประเมินธุรกิจมีแนวโน้มการเติบโตที่ดีต่อเนื่อง จากการขยายเครื่องจักร เพิ่มกำลังการผลิตด้วยเทคโนโลยีที่มีความทันสมัย รองรับความต้องการในอุตสาหกรรม ยานยนต์ที่มีสัญญาณการฟื้นตัวที่ดี และกำลังจะกลับมาเดินหน้าอีกครั้ง ส่วนหนึ่งมาจากการเปลี่ยนผ่านของอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้า ซึ่งจะเป็นโอกาสในการขยายธุรกิจ และสร้างรายได้ที่ดีของ TATG ในอนาคต