แนวโน้มตลาดวันนี้ : หากหลุด 1373 เปิด downside

ดัชนีปรับลงจากหุ้น DELTA และ Sentiment ลบ ของตลาดหุ้นจีน และฮ่องกง สร้างสัญญาณลบทางเทคนิคให้วันนี้โอกาสปรับลงได้ต่อ โดยมีแนวรับถัดไปที่ 1373 จุด เป็นจุดติดตาม หากต่ำกว่า จะเปิดด้าน Downside ของดัชนีให้ลงหาจุดต่ำเดิมบริเวณ 1360 จุด ส่วนกรณียืนได้ คาดมีโอกาสฟื้นตัวกลับ ด้านแนวต้านอยู่ที่ 1390-1400 จุด

• สนค.เผยดัชนีค่าบริการขนส่งสินค้าทางถนน 4Q67 เพิ่มขึ้น 2.7% สาเหตุจากน้ำมันดีเซล ค่าจ้าง ดอกเบี้ยทรงตัวสูง และภาคท่องเที่ยว ส่งออกขยายตัว พร้อมคาด 1Q68 ยังเติบโตสูงขึ้น
• จีนเผยดัชนี PMI ภาคการผลิต ธ.ค. ปรับตัวลงสู่ระดับ 50.5 จากระดับ 51.5 ใน พ.ย. ต่ำกว่าตลาดคาดและถือเป็นการตอกย้ำว่ารัฐบาลจีนจำเป็นต้องออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติมในปีนี้
• EIA เผยสต็อกน้ำมันดิบในสัปดาห์ก่อนลดลง 1.18 ล้านบาร์เรล ลดลงต่ำกว่าที่ตลาดคาดไว้ ส่วนสต็อกเบนซินและดีเซลกลับเพิ่มขึ้นจากสัปดาห์ก่อนและเพิ่มขึ้นสูงกว่าที่ตลาดคาด
• สหรัฐฯ เผยตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกลดลง 9,000 ราย สู่ระดับ 211,000 รายในสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่ มี.ค. 2567 สะท้อนว่าตลาดแรงงานสหรัฐยังแข็งแกร่ง และเพิ่มน้ำหนักความเป็นไปได้ที่เฟดจะคงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่เดิมในการประชุมเดือนนี้
• ตลาดน้ำมันปาล์มเผชิญความไม่แน่นอน หลังอินโดนีเซียเลื่อนการบังคับใช้อัตราผสมเชื้อเพลิงไบโอดีเซล B40 ออกไป จากแผนเดิมที่จะบังคับใช้ในวันที่ 1 ม.ค. 68 ซึ่งเพิ่มขึ้นจากอัตรา 35% (B35) ที่ใช้อยู่ในปัจจุบัน
• บราซิลรับตำแหน่งประธานหมุนเวียน BRICS ในวันที่ 1 ม.ค. นี้ และมีวาระสำคัญ เช่น การสร้างความร่วมมือระหว่างประเทศโลกใต้, ปฏิรูปการกำกับดูแลระหว่างประเทศ และอำนวยความสะดวกด้านการค้า
• ราคาหุ้น Apple ปรับลง 2.62%DoD หลังบริษัทเสนอโปรโมชันลดราคา iPhone รุ่นล่าสุดที่จำหน่ายในจีนลงสูงสุด 500 หยวน (US$68.50) ระหว่างวันที่ 4-7 ม.ค. นี้ เพื่อปกป้องส่วนแบ่งตลาดในจีนที่แข่งขันสูงขึ้น โดยเฉพาะจากคู่แข่งสำคัญอย่าง Huawei

ช่วงสั้นมอง SET จะแกว่งตัวไซด์เวย์และมีความผันผวนสูง เนื่องจากความกังวลเกี่ยวกับแรงขายจากกองทุน LTF ที่จะครบกำหนดในช่วงต้นปี 2568 รวมทั้งยังต้องรอปัจจัยชั้นำใหม่ๆ ซึ่งปัจจุบันยังไม่มีความชัดเจนเพิ่มเติม ขณะที่ปัจจัยต่างประเทศยังคงต้องติดตามนโยบายการค้าของสหรัฐ รวมทั้งดัชนี PMI ภาคการผลิต ธ.ค. ของจีนและสหรัฐ ดังนั้นกลยุทธ์ลงทุนจึงแนะนำให้ “Selective Buy”

ช่วงสั้นมอง SET จะแกว่งตัวไซด์เวย์และผันผวนสูง เนื่องจากความกังวลแรงขายจากกองทุน LTF ที่จะครบกำหนดในช่วงต้นปี 2568 รวมทั้งยังต้องรอปัจจัยชั้นำใหม่ๆ กลยุทธ์ลงทุนจึงแนะนำให้ “Selective Buy” ใน 2 ธีมหลักที่มีปัจจัยบวกเฉพาะตัว และ 1 ธีม
เทรดดิ้งระยะสั้น ดังนี้

  1. หุ้นที่คาดได้อานิสงส์บวกจากรัฐออกมาตรการเศรษฐกิจเพื่อกระตุ้นการบริโภคในประเทศ ซึ่งในอดีตราคาหุ้นมักปรับตัวได้ดีอย่างน้อย 3 ใน 5 ปี แนะนำ กลุ่มพาณิชย์ (CRC HMPRO)
  2. หุ้น Earnings Play ซึ่งมองราคาหุ้นยังไม่ได้ปรับขึ้นสะท้อนโมเมนตัมกำไร 4Q67 ที่คาดจะเติบโตดี YoY และ QoQ อีกทั้งยังมีศักยภาพการจ่ายปันผลได้สม่ำเสมอ เลือก GULF OSP AMATA AU TIDLOR BCP
  3. Trading Idea : นักลงทุนที่รับความเสี่ยงได้สูงอาจเก็งกำไรหุ้นที่คาดได้อานิสงส์จากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของจีน แนะนำ IVL PTTGC

PTTEP: มองราคาน้ำมันที่ปรับขึ้นแข็งแกร่งในระยะสั้นจะเป็นปัจจัยกระตุ้นราคาหุ้นและเป็นสินทรัพย์ป้องกันความเสี่ยงจากกรณีกังวลความไม่สงบในตะวันออกกลาง ขณะที่ผลการดำเนินงานและงบดุลของบริษัทยังแข็งแกร่ง โดยปี 2567 คาดมีกำไรปกติ 7.7 หมื่นลบ. และมีหนี้สินต่อทุนสุทธิน้อยกว่า 0.3 เท่า ทั้งนี้แนะนำเข้าซื้อเก็งกำไรราคาไม่เกิน 125.50 บาท
TRUE: มองแนวโน้มกำไรที่จะเติบโตอย่างแข็งแกร่งจะเป็นปัจจัยผลักดันราคาหุ้นให้ปรับขึ้นได้ต่อเนื่อง โดย 4Q67 คาดกำไรปกติจะยังเติบโต YoY แรงหนุนจากการลดต้นทุนอย่างต่อเนื่องและการแข่งขันด้านราคาที่เป็นไปในทิศทางที่ดีขึ้น หนุนให้ปี 2567 พลิกมีกำไรปกติ 8.1 พันลบ. และจะเพิ่มขึ้นเป็น 1.0 หมื่นลบ. ในปี 2568

#STOCKMASTER #InnovestXResearch

#DailyToppicks #InnovestX #SCBx

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *