คาด SET ปรับลง โดยหุ้น DELTA ที่หนุนดัชนีมาเมื่อวาน วันนี้จะกลับมากดดันดัชนีได้ หลังตัวเลข ISM ภาคบริการ และตัวเลขเปิดรับสมัครงานของสหรัฐฯ ออกมาสูงกว่าคาด กดดันดัชนี Nasdaq ปรับลง และหนุน Bond Yield สหรัฐฯ ปรับขึ้น รวมถึง สร้างความกังวลต่อการลดดอกเบี้ยของเฟด ทั้งดัชนีมีแนวรับ 1380 และ 1370 จุด ตามลำดับ เป็นจุดรองรับ ส่วนแนวต้านอยู่ที่ 1400-1410 จุด
• รมช. คลังเผยโครงการแจกเงินหมื่นเฟสสองจะสามารถจ่ายในไม่เกินวันที่ 29 ม.ค. ส่วนเฟสสามจะต้องติดตามการพัฒนาระบบและทดสอบในลักษณะ Sandbox ก่อนประกาศใช้ คาดจะสามาถจ่ายได้ใน 2Q68
• สรท. คาดการส่งออก ธ.ค. จะขยายตัวได้สูงกว่า 4.5% และช่วยหนุนการส่งออกปี 2567 ขยายตัวได้ราว 4.5-5.0% และประเมินการส่งออกในปี 2568 จะขยายตัวได้ราว 1-3% แต่มีความไม่แน่นอนสูง เช่น ความขัดแย้งภูมิรัฐศาสตร์ และสงครามการค้าจากสหรัฐฯ
• ครม. เห็นชอบกรอบรายจ่ายปีงบฯ 2569 ที่ 3.78 ล้านลบ. +0.7%YoY ขาดดุล 8.6 แสนลบ. หรือ 4.3% ของ GDP นายกฯ กล่าวหลังการประชุมยืนยันไม่มีการปรับโผครม. โดยเฉพาะการเปลี่ยนรมว. พลังงาน
• รมว. ท่องเที่ยวฯ เผยจำนวนนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติช่วงวันที่ 1-5 ม.ค. 2568 ที่ 505,411 คน สร้างรายได้ประมาณ 2.53 หมื่นลบ. โดย 5 อันดับแรกมาจากจีน มาเลเซีย รัสเซีย เกาหลีใต้ และอินเดีย
• PBOC เข้าซื้อทองคำสำรองเพิ่มขึ้นเป็นเดือนที่ 2 ติดต่อกันในเดือน ธ.ค. สู่ 73.29 ล้านทรอยออนซ์ จากช่วงก่อนที่หยุดพักซื้อชั่วคราวเป็นเวลา 6 เดือน แม้ว่าราคาทองคำจะแพงเมื่อเทียบกับในอดีต สะท้อนว่า PBOC ยังคงต้องการกระจายความเสี่ยงของทุนสำรอง
• Nvidia เปิดตัวผลิตภัณฑ์ AI ใหม่และ Microsoft เผยเตรียมลงทุนราว 3 พันล้านดอลลาร์ในอินเดียเพื่อขยายขีดความสามารถด้าน AI และการให้บริการคลาวด์ Azure ทำให้ตลาดมีมุมมองเชิงบวกต่ออุปสงค์ AI
• มาเลเซีย-สิงคโปร์ ทำข้อตกลงจัดตั้งเขตเศรษฐกิจพิเศษ 3,500 ตร. กม. ใหญ่กว่าเซินเจิ้น พร้อมด้วยท่าเรือ สนามบิน ดาต้าเซนเตอร์ คาดสร้างงานแสนตำแหน่ง ตั้งเป้าดึงโครงการลงทุน 50 รายใน 5 ปีแรก
ช่วงสั้นมอง SET จะแกว่งตัวไซด์เวย์ในกรอบ 1370-1410 จุด แม้คาดตัวเลขเศรษฐกิจจีนจะมีสัญญาณฟื้นตัวและเศรษฐกิจสหรัฐฯ ยังแข็งแกร่ง แต่คาดนักลงทุนยังรอติดตามนโยบายการค้าของว่าที่ปธน. สหรัฐฯ ซึ่งจะเข้าพิธีสาบานตนรับตำแหน่งในวันที่ 20 ม.ค. นี้ ขณะที่ปัจจัยในประเทศค่อนข้างผสม จากความคาดหวังเชิงบวกที่มีต่อมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจที่ออกมาและจะมีผลบังคับในช่วงต้นปีนี้ แต่อาจถูกบั่นทอนจากการขาดปัจจัยสนับสนุนใหม่และยังมีความกังวลเกี่ยวกับเสถียรภาพทางการเมืองในประเทศเป็นความเสี่ยงที่กดดันให้ Fund Flow ยังมีโอกาสไหลกลับเข้ามาตลาดหุ้นไทยค่อนข้างจำกัด อีกทั้งยังมีแรงขายกดดันจากเม็ดเงินโครงการกองทุน LTF ที่ครบกำหนด ดังนั้นกลยุทธ์ลงทุนจึงแนะนำให้ “Selective Buy”
ช่วงสั้นมอง SET จะแกว่งตัวไซด์เวย์หลังขาดปัจจัยหนุนใหม่ โดยรอติดตามเสถียรภาพทางการเมืองในประเทศและนโยบายการค้าของว่าที่ปธน. สหรัฐฯ และมีแรงขายกดดันจากเม็ดเงินโครงการกองทุน LTF ที่ครบกำหนด กลยุทธ์ลงทุนจึงแนะนำให้ “Selective Buy” ใน 3 ธีมหลักที่มีปัจจัยบวกเฉพาะตัว และ 1 ธีมเทรดดิ้งระยะสั้น ดังนี้
- หุ้นที่คาดได้อานิสงส์บวกจากรัฐออกมาตรการกระตุ้นการบริโภค โดยนำค่าซื้อสินค้ามาลดหย่อนภาษี (Easy E-Receipt) ในช่วง 16 ม.ค.-28 ก.พ. 68 และแจกเงินหมื่นเฟส 2 ในช่วงเทศกาลตรุษจีน แนะนำ กลุ่มพาณิชย์ (CRC HMPRO CPALL TNP) กลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภค (CBG OSP) และกลุ่มท่องเที่ยว (MINT)
- นักลงทุนที่ต้องการหุ้นปันผลสูงซึ่งคาดจะมีเงินปันผลจ่ายที่เหลือจากกำไรปี 2567 คิดเป็น Div. Yield เกิน 3% เพื่อสร้างกระแสเงินสดให้แก่พอร์ตลงทุนภายใต้ภาวะตลาดหุ้นไทยที่ยังรอคอยปัจจัยชี้นำใหม่ๆ และยังมีฐานะการเงินแข็งแกร่ง อีกทั้งปี 2568 คาดกำไรยังเติบโตได้ แนะนำ AP KTB BBL PTT
- หุ้น Earnings Play ซึ่งมองราคาหุ้นยังไม่ได้ปรับขึ้นสะท้อนโมเมนตัมกำไร 4Q67 ที่คาดจะเติบโตดี YoY และ QoQ อีกทั้งยังมีศักยภาพการจ่ายปันผลได้สม่ำเสมอ เลือก OSP AMATA AU TIDLOR BCP
- Trading Idea : นักลงทุนที่รับความเสี่ยงได้สูงอาจเก็งกำไรหุ้นที่คาดได้อานิสงส์จากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของจีน แนะนำ IVL PTTGC
HMPRO: 4Q67 คาดกำไรปกติจะเติบโตทั้ง YoY และ QoQ จากการขยายสาขาและ EBIT margin ที่กว้างขึ้น ขณะที่ยอดขายสาขาเดิม 1Q68 มีแนวโน้มที่จะปรับตัวดีขึ้นจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจที่กำลังจะมาถึง (มาตรการ Easy E-Receipt 2.0 ในเดือน ม.ค.-ก.พ.) อีกทั้งปัจจุบัน Valuation ยังน่าสนใจ โดยซื้อขายที่ PER 2567F และ 2568F ต่ำกว่า -2S.D.
PTTEP: ราคาน้ำมันที่ปรับขึ้นแข็งแกร่งในระยะสั้นจะเป็นปัจจัยกระตุ้นราคาหุ้น และมองหุ้นที่เป็นสินทรัพย์ป้องกันความเสี่ยงจากความไม่สงบในตะวันออกกลาง ขณะที่ผลการดำเนินงานและงบดุลของบริษัทยังแข็งแกร่ง โดยปี 2567 คาดมีกำไรปกติ 7.7 หมื่นลบ. และมีหนี้สินต่อทุนสุทธิน้อยกว่า 0.3 เท่า ทั้งนี้แนะนำเข้าซื้อเก็งกำไรราคาไม่เกิน 124.50 บาท