แนวโน้มตลาดวันนี้ : กลับมาเป็นสัญญาณลบ

SET กลับมาปรับลง และหลุดแนวรับบริเวณ 1345 จุด สร้างสัญญาณลบทางเทคนิค ทำให้มีแนวโน้มปรับลงได้ต่อ โดยมีแนวรับถัดไปที่ 1337 และ 1330 จุด ตามลำดับ นอกจากนี้ เงินบาทที่ชะลอการแข็งค่า ทำให้แรงซื้อต่างชาติน้อยลงไปจนถึงการขายปรับพอร์ต ด้านแนวต้านอยู่ที่ 1350-1360 จุด ประเด็นสำคัญ คืนนี้ ติดตามตัวเลข PMI สหรัฐฯ

• กระทรวงพาณิชย์เผยมูลค่าส่งออก ธ.ค. 2567 เพิ่มขึ้น 8.7%YoY บวกต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 6 และทั้งปี 2567 เพิ่มขึ้น 5.4% สูงกว่าเป้าที่ตั้งไว้ที่ 1-2% ส่วนมูลค่านำเข้าเพิ่มขึ้น 14.9%YoY แนะจับตานโยบายการค้าของทรัมป์ คาดส่งออกปี 2568 โตได้ 2-3%
• รมช.คลัง เผยกระทรวงการคลังเตรียมเสนอ ครม. พิจารณาโครงสร้างภาษีแบตเตอรี่ใหม่ภายใน ก.พ. นี้ โดยปรับจากการจัดเก็บอัตราเดียวเป็นการจัดเก็บแบบขั้นบันได หวังหนุนเศรษฐกิจสีเขียว ชูแบตเตอรี่ที่สะอาด-ชาร์จได้-ประสิทธิภาพสูง ราคาถูกลง
• ปธน. ทรัมป์กล่าวใน WEF ว่าต้องการทั่วโลกลดดอกเบี้ยนโยบายทันที, เรียกร้อง OPEC เพิ่มกำลังการผลิตเพื่อลดราคาน้ำมันและเงินเฟ้อ และซาอุฯ ลงทุนในสหรัฐฯ อย่างน้อย 6 แสนล้านดอลลาร์ในระยะ 4 ปี
• กกพ. และ 3 การไฟฟ้าเปิดให้บริการอัตราค่าบริการไฟฟ้าสีเขียวแบบไม่เจาะจงแหล่งที่มา (UGT1) ที่ 4.21 บาท/หน่วย เป็นอีกทางเลือกสำหรับผู้ประกอบการ โดยมี UGT1 เตรียมรองรับราว 2 พันล้านหน่วย/ปี
• วิทยุการบินฯ เผยจะมีเที่ยวบินช่วงตรุษจีน (26 ม.ค. – 1 ก.พ. 2568) 19,305 เที่ยวบิน หรือเพิ่มขึ้น 14%YoY โดยมีเที่ยวบินระหว่างไทย-จีน 2,718 เที่ยวบินหรือเพิ่มขึ้น 48%YoY และประเทศอื่นๆ ที่มีจำนวนเที่ยวบินสูง เช่น สิงคโปร์, มาเลเซีย, ฮ่องกง และไต้หวัน
• OpenAI และ SoftBank เตรียมลงทุนรวม 3.8 หมื่นล้านดอลลาร์ใน Stargate เพื่อสร้างศูนย์ข้อมูล AI โดยคาดถือหุ้นบริษัทละ 40%
• CSRC ของจีนสั่งเพิ่มการถือครองหุ้นเพื่อพยุงตลาดหุ้น กองทุนรวมจะต้องเพิ่มการถือครองหุ้นอีกอย่างน้อย 10% ในอีก 3 ปี และบริษัทประกันขนาดใหญ่ต้องลงทุนในสัดส่วน 30% ของเบี้ยประกันทั้งหมด

ช่วงสั้นมอง SET มีแนวโน้มฟื้นตัวในกรอบแคบ โดยมีแนวต้านสำคัญที่บริเวณ 1400 จุด ทั้งนี้แม้มองปัจจัยภายนอกจากภาพเศรษฐกิจและแนวโน้มดอกเบี้ยมีท่าทีดีขึ้น รวมถึงผลประกอบการ 4Q67 ของ บจ. ในสหรัฐฯ มีแนวโน้มออกมาแข็งแกร่ง และท่าทีของว่าที่ปธน. สหรัฐฯ โดนัลด์ ทรัมป์ ต่อการปรับขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าอย่างค่อยเป็นค่อยไปยังทำให้ตลาดคลายกังวลได้ในระดับนึง แต่อย่างไรก็ดี ปัจจัยภายในประเทศ (นอกเหนือจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจต่างๆ) ยังมีแนวโน้มเปราะบางจากการขาดความเชื่อมั่นด้านการลงทุน ทำให้ตลาดหุ้นไทยอาจฟื้นตัวได้ช้ากว่าตลาดหุ้นในต่างประเทศ อีกทั้งกระแสเงินของนักลงทุนต่างชาติยังไม่มีสัญญาณกลับมาซื้อหุ้นไทยอย่างมีนัยฯ ดังนั้นกลยุทธ์ลงทุนจึงแนะนำให้ “Selective Buy”

มอง SET มีโอกาสฟื้นแต่ภาพรวมยังเปราะบางหลังไร้ปัจจัยหนุนใหม่ กลยุทธ์ลงทุนจึงแนะนำให้ “Selective Buy” ใน 3 ธีมหลักที่มีปัจจัยบวกเฉพาะตัว และ 1 ธีมเทรดดิ้งระยะสั้น ดังนี้

  1. หุ้นที่คาดได้อานิสงส์บวกจากการเข้าสู่บรรยากาศจับจ่ายใช้สอยในช่วงเทศกาลตรุษจีน อีกทั้งมาตรการกระตุ้นการบริโภคจะเริ่มมีผลบังคับใช้ เช่น นำค่าซื้อสินค้ามาลดหย่อนภาษี (Easy E-Receipt) ในช่วง 16 ม.ค.-28 ก.พ. 68 และแจกเงินหมื่นเฟส 2 ให้ผู้สูงอายุในวันที่ 27 ม.ค. นี้ แนะนำ กลุ่มพาณิชย์ (CRC HMPRO CPALL TNP) กลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภค (CBG OSP) กลุ่มท่องเที่ยว (MINT AOT) กลุ่มเนื้อสัตว์ (CPF BTG)
  2. นักลงทุนที่ต้องการหุ้นปันผลสูงซึ่งคาดมีเงินปันผลจ่ายที่เหลือจากกำไรปี 2567 คิดเป็น Div. Yield เกิน 3% เพื่อสร้างกระแสเงินสดให้แก่พอร์ตลงทุน แนะนำ AP KTB BBL PTT
  3. หุ้น Earnings Play ซึ่งมองราคาหุ้นยังไม่ได้ปรับขึ้นสะท้อนโมเมนตัมกำไร 4Q67 ที่คาดจะเติบโตดี YoY และ QoQ อีกทั้งยังมีศักยภาพการจ่ายปันผลได้สม่ำเสมอ เลือก ADVANC TRUE AMATA AWC AU
  4. Trading Idea: นักลงทุนที่รับความเสี่ยงได้สูงอาจเก็งกำไรในหุ้นที่คาดได้อานิสงส์จากการปรับขึ้นของราคาน้ำมันในตลาดโลก หลังสหรัฐฯ ประกาศคว่ำบาตรรัสเซียกระทบอุปทานน้ำมัน เลือก PTTEP

CBG: 4Q67 คาดมีกำไรปกติ 819 ลบ. เติบโต 26.2%YoY และ 0.6%QoQ สูงสุดในรอบ 14 ไตรมาส แรงหนุนจากส่วนแบ่งตลาดเครื่องดื่มชูกำลังในประเทศที่ทำจุดสูงสุดใหม่ที่ 26% หนุนให้ปี 67 คาดกำไรสุทธิเพิ่มขึ้น 50.3%YoY และคาดจะเติบโตต่ออีก 13.3%YoY ในปี 68 แรงหนุนจากส่วนแบ่งตลาดเครื่องดื่มชูกำลังที่เพิ่มขึ้นและประสิทธิภาพที่สูงขึ้น

BDMS: เป็นหนึ่งในหุ้นเด่นกลุ่มการแพทย์ โดยปี 2568 คาดกำไรจะเติบโตต่อเนื่องที่ 8.3%YoY อีกทั้ง valuation ต่ำ โดยปัจจุบันซื้อขายที่ PER 2568F ระดับ 22.1 เท่า ซึ่งต่ำกว่าระดับ -2SD ของ PER เฉลี่ยย้อนหลัง 10 ปี และถือเป็นระดับที่ลึกที่สุดเมื่อเทียบกับหุ้นอื่นในกลุ่ม อีกทั้งยังต่ำกว่าหุ้นกลุ่มเดียวกันในตลาดภูมิภาค (ไม่รวมประเทศไทย) ราว 21%

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *