จีเอเบิล (GABLE) ประกาศผลการดำเนินงานปี 2567 ยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยมีรายได้จากการขายและบริการ 6,173 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 16 จากปีก่อน และมียอดขายรอรับรู้รายได้ (Backlog) 6,175 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 16 จากไตรมาส 3 ปี 2567 และเพิ่มขึ้นร้อยละ 36 จากปีก่อน
ดร.ชัยยุทธ ชุณหะชา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท จีเอเบิล จำกัด (มหาชน) หรือ GABLE เปิดเผยว่าภายหลังจากที่บริษัทฯ ได้เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย บริษัทฯ มุ่งมั่นในการสร้างพันธมิตรทางธุรกิจอย่างต่อเนื่องภายใต้ผู้นำด้าน “Tech Enabler” ในปี 2567 บริษัทฯ ได้ต่อยอดความสำเร็จสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืน โดยกลุ่มบริษัท ขยายการลงทุนในธุรกิจที่มีศักยภาพ 2 บริษัท ได้แก่
- บริษัท ราวด์ ทู โซลูชั่นส์ จำกัด (R2) ในสัดส่วนร้อยละ 75 โดย R2 เป็นผู้นำด้านที่ปรึกษาระบบ Enterprise Resource Planning (ERP) และ ระบบ Customer Relationship Management (CRM) นอกจากนี้เบลนเดต้า ผู้พัฒนาเทคโนโลยีบริหารจัดการข้อมูลขนาดใหญ่ เข้าลงทุนใน
- บริษัท ออพซ์ตา (ประเทศไทย) จำกัด ผู้เชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีสารสนเทศแบบ DevSecOps ที่สัดส่วนร้อยละ 25 ทั้งนี้ผลการดำเนินงานโดยรวมในปีที่ผ่านมา บริษัทฯ มีทั้งรายได้จากการขายและบริการ แบ็คล็อกหรือยอดขายรอรับรู้รายได้สูงสุดเป็นประวัติการณ์ และบริหารค่าใช้จ่ายอย่างมีประสิทธิภาพโดยมีค่าใช้จ่ายขายและบริหารต่อรายได้ลดลงจากปีก่อน โดยในปี 2568 บริษัทฯ ยังเดินหน้าแผนธุรกิจในการมีรายได้เติบโตจากปีก่อน ควบคู่กับการบริหารค่าใช้จ่ายอย่างมีประสิทธิภาพ ตลอดจนสร้างพันธมิตรทางธุรกิจ และต่อยอดโอกาสในการลงทุนในธุรกิจที่มีศักยภาพต่อเนื่อง
นางสาวรวีรัตน์ สัจจวโรดม ประธานบริหารสายงานการเงินและกลยุทธ์ บริษัท จีเอเบิล จำกัด (มหาชน) หรือ GABLE เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานของกลุ่มบริษัทฯ มีการเติบโตอย่างแข็งแกร่ง โดยในปี 2567 มีรายได้จากการขายและบริการสูงสุดเป็นประวัติการณ์ 6,173 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 16 จากปีก่อน มีกำไรขั้นต้น 1,144 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 4 จากปีก่อน และมีการบริหารค่าใช้จ่ายอย่างมีประสิทธิภาพโดยมีค่าใช้จ่าย
ขายและบริหารต่อรายได้ลดลงจากปีก่อน ส่งผลให้มีกำไรจากการดำเนินงาน 340 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 4 จากปีก่อน หากไม่นับรวมรายการภาษีเงินได้รอการตัดบัญชี ที่กลุ่มบริษัทฯ ไม่สามารถใช้ประโยชน์ทางภาษีได้ จึงรับรู้เป็นค่าใช้จ่ายภาษีเงินได้ในปีนี้ 29 ล้านบาท ส่งผลให้กลุ่มบริษัทฯ จะมีกำไรสุทธิเพิ่มขึ้นจากปีก่อน
ทั้งนี้ ณ สิ้นปี 2567 กลุ่มบริษัทฯ มียอดขายรอรับรู้รายได้ (Backlog) สูงสุดเป็นประวัติการณ์ในระดับ 6,175 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 16 จากไตรมาส 3 ปี 2567 และเพิ่มขึ้นร้อยละ 36 จากสิ้นปี 2566 รองรับการรับรู้รายได้ในอนาคตสำหรับแผนธุรกิจในปี 2568 กลุ่มบริษัทฯ มีเป้าหมายในการสร้างรายได้เติบโต 5-15% ซึ่งสูงสุดเป็นประวัติการณ์ต่อเนื่องจากปี 2567 โดยรักษาอัตรากำไรขั้นต้นระดับ 19-20% ใกล้เคียงปีก่อน พร้อมเป้าหมายรายได้ที่เกิดขึ้นต่อเนื่อง (Recurring Income) ระดับ 40-50% และเป้าหมาย Backlog ที่ระดับสูงกว่า 5,500-6,500 ล้านบาท
จากความสามารถในการทำกำไรอย่างต่อเนื่อง และมีวินัยทางการเงิน ส่งผลให้บริษัทฯ ไม่มีภาระหนี้สินที่มีดอกเบี้ยต่อทุน และมีเงินสดมากกว่า 1,000 ล้านบาท รองรับการเติบโตของกลุ่มบริษัทฯ ในการลงทุนในธุรกิจเกี่ยวเนื่อง ที่มีศักยภาพและสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับบริษัทฯ ทั้งนี้คณะกรรมการบริษัทมีมติอนุมัติจ่ายเงินปันผลประจำปี 2567 ในอัตราหุ้นละ 0.2703 บาทต่อหุ้น หรือคิดเป็นอัตราการจ่ายเงินปันผล 80% ของกำไรสุทธิรวม
“บริษัทฯ พร้อมขับเคลื่อนองค์กรด้วยวิสัยทัศน์และพันธกิจ เพื่อพัฒนาองค์กรให้เติบโตอย่างยั่งยืน สอดคล้องแผนกลยุทธ์ และแผนธุรกิจที่ได้กำหนดเป้าหมายการดำเนินธุรกิจของกลุ่มบริษัทฯ นอกจากนี้บริษัทฯ มีเป้าหมาย และกลยุทธ์ด้านความยั่งยืนในการขับเคลื่อนองค์กรให้เติบโตอย่างยั่งยืน ทั้งทางด้านเศรษฐกิจ สังคม สิ่งแวดล้อม และธรรมาภิบาล ด้วยคณะกรรมการบริษัทมอบหมายให้คณะกรรมการบริหารความเสี่ยงและพัฒนาความยั่งยืน เป็นคณะกรรมการที่ขับเคลื่อน พร้อมด้วยการสนับสนุนจากคณะผู้บริหารระดับสูง และคณะทำงานพัฒนาด้านความยั่งยืน โดยในปี 2567 บริษัทฯ สามารถบรรลุผลสำเร็จภายหลังจากที่บริษัทฯ ได้เข้าร่วมการประเมินครั้งแรก ได้แก่ คะแนน AGM Checklist ในเกณฑ์ “ดีเยี่ยม” CG Score ในระดับ “ดีเลิศ” และ SET ESG Ratings ในระดับ “BBB” นอกจากนี้บริษัทฯ มีการพัฒนาการกำกับดูแลกิจการที่ดีอย่างต่อเนื่อง โดยต้นปี 2568 ได้ประกาศเจตนารมณ์เข้าร่วมโครงการแนวร่วมปฏิบัติของภาคเอกชนไทยในการต่อต้านทุจริต” ดร.ชัยยุทธ กล่าวทิ้งท้าย