แนวโน้มตลาดวันนี้ : สงครามการค้ากลับมากดดัน

คาด SET ได้รับปัจจัยกดดันจากความกังวลสงครามการค้า หลังทรัมป์ยังคงขึ้นภาษีสินค้าจากแคนนาดาและเม็กซิโกในอัตรา 25% มีผล 4 มี.ค. และวางแผนจะขึ้นภาษีสินค้าจีนอีก 10% นอกจากนี้ MSCI Rebalance ซึ่งมีผลวันนี้ ทำให้ดัชนีมีความผันผวนขึ้น โดย SET มีแนวรับถัดไปที่ 1190-1200 จุด ส่วนแนวต้านอยู่ที่ 1225-1230 จุด

·    รมว. คลัง เผยหลังประชุมกับ สศค. ธปท. และสภาพัฒน์จะจัดทำ Master Plan ขับเคลื่อนเศรษฐกิจ เน้นไปที่จุดแข็งประเทศ เช่น ท่องเที่ยว เกษตร และส่งออก ตั้งเป้า GDP ปี 2568 เติบโต 3.0-3.5% การส่งออก 3.5-4.0% และจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติ 38 ล้านคน
·     กรรมการและผู้จัดการ ตลท. เผยหลังเข้าพบ รมว.คลัง เพื่อหารือแนวทางเพิ่มความเข้มแข็งของบจ. ไทยผ่านโครงการ จัมพ์พลัส ตลท. และหน่วยงานพันธมิตร จะสนับสนุนเครื่องมือวิเคราะห์ข้อมูล การให้คำปรึกษา และเพิ่มการรับรู้เพื่อช่วยเพิ่มความน่าสนใจ
·     Reuters รายงานว่ารัฐบาลกำลังหารือกับกลุ่มผู้ผลิตรถยนต์เพื่อออกโครงการรถเก่าแลกซื้อรถใหม่และกำจัดซากรถเก่า ด้านนายกฯ ผู้ผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ไทยยอมรับว่ากำลังผลักดันเรื่องนี้อย่างหนัก
·     ประมาณการครั้งที่สองของ 4Q67 GDP สหรัฐฯ ขยายตัว 2.3%QoQ เป็นไปตามที่ตลาดคาดไว้ จากไตรมาสก่อนที่ขยายตัว 3.1%QoQ
·    ปธน. ทรัมป์เดินหน้าเก็บภาษีนำเข้าจากแคนาดาและเม็กซิโก 25% ตั้งแต่วันที่ 4 มี.ค. ตามกำหนดเดิม ส่งสัญญาณเดินหน้ามาตรการภาษีตอบโต้ในวันที่ 2 เม.ย. อย่างเต็มที่ และเก็บภาษีนำเข้าจากจีนเพิ่มเติมอีก 10%
·    รัสเซียประกาศระงับการส่งออกเบนซินเป็นเวลา 6 เดือน ระหว่างวันที่ 1 มี.ค. – 31 ส.ค. 2568 เพื่อสร้างเสถียรภาพต่อตลาดเชื้อเพลิงในประเทศและสกัดการลักลอบส่งออกน้ำมันสำเร็จรูป
·    ปธน.ทรัมป์ยกเลิกใบอนุญาตของบริษัทเชฟรอนในการดำเนินธุรกิจน้ำมันในเวเนซุเอลา อ้างรัฐบาลของปธน. นิโคลัส มาดูโร ไม่มีความคืบหน้าในการปฏิรูปการเลือกตั้งและการรับผู้อพยพกลับประเทศ สร้างความกังวลเกี่ยวกับอุปทานน้ำมันโลกตึงตัว

ช่วงสั้นมอง SET มีโอกาสฟื้นตัวแต่ Upside จำกัด โดยมีแนวต้านที่บริเวณ 1300 จุด ประเมินว่าปัจจัยมหภาคจะเป็นปัจจัยหนุนตลาดหุ้นไทยเป็นผลจากดัชนี PCE มีแนวโน้มชะลอตัวลงเหลือ 2.5% ซึ่งจะไม่กดดันให้เฟดเปลี่ยนท่าทีต่อนโยบายการเงิน และ PMI ภาคการผลิตและบริการของจีนมีแนวโน้มดีขึ้นอย่างช้าๆ ขณะที่ ธปท. มีมติปรับลดดอกเบี้ยลงสู่ 2.00% สร้างเซอร์ไพร์สให้แก่ตลาด ทำให้มีแรงซื้อกลับเข้ามาใน นอกจากนั้นแนวโน้มผลประกอบการ 1Q68 น่าจะบ่งชี้ว่ากำไรของตลาดหุ้นไทยได้ผ่านจุดแย่ที่สุดไปแล้วในช่วง 2H67 ทำให้เรามองว่า กระแสเงินจากต่างชาติมีแนวโน้มที่จะดีขึ้น รวมไปถึงมาตรการของ ตลท. ต่อการสร้างความเชื่อมั่นน่าจะช่วยให้ตลาดคลายความกังวลในระดับนึง ดังนั้นกลยุทธ์ลงทุนจึงแนะนำให้ “Selective Buy”

มอง SET มีโอกาสฟื้นตัว แต่ Upside จำกัด มีแนวต้านสำคัญที่ 1300 จุด แนะนำ “Selective Buy” ใน 3 ธีมหลักที่มีปัจจัยบวกเฉพาะตัว และ 2 ธีมเทรดดิ้งระยะสั้น ดังนี้
1. หุ้น Earnings Play ที่ราคาหุ้นยังไม่สะท้อนกำไร 4Q67-1Q68 ที่คาดจะเติบโตดี และมีศักยภาพจ่ายปันผลสม่ำเสมอ เลือก ADVANC TRUE AMATA TIDLOR MTC AU HTC
2. หุ้น Undervalued สำหรับลงทุน คัดเลือกหุ้น SET100 ที่คาดเป็นเป้าหมายของกองทุนและมี Downside Risk จำกัด เนื่องจากมีจุดแข็ง ดังนี้ 1) ปี 2568 คาดกำไรมั่นคงและเติบโตได้ YoY 2) ฐานะการเงินแข็งแกร่งและมองมีโอกาสซื้อหุ้นคืน (PBV < 1) 3) Valuation ไม่แพง (PER และ PBV 2568F ต่ำกว่า -1SD) และ 4) ศักยภาพจ่ายปันผลสม่ำเสมอ (คาด Div. Yield ปี 2568 อย่างน้อย 5%) พบมี 5 หุ้น BCP AP PTT TU SPALI
3. หุ้น Dividend Play สำหรับนักลงทุนที่ต้องการหุ้นปันผลสูงซึ่งคาดมีเงินปันผลจ่ายที่เหลือจากกำไรปี 2567 คิดเป็น Div. Yield เกิน 3% เพื่อสร้างกระแสเงินสดให้แก่พอร์ตลงทุน แนะนำ AP KTB BBL PTT
4. Trading Idea: นักลงทุนที่รับความเสี่ยงได้แนะนำเก็งกำไร 1) หุ้นที่คาดสัปดาห์หน้าจะประกาศงบ 4Q67 กำไรเติบโต YoY และ QoQ แนะนำ CPALL HMPRO BTG ERW AU KLINIQ และ 2) หุ้นคาดได้อานิสงส์เงินไหลเข้าจาก MSCI Rebalance มีผลราคาปิดวันที่ 28 ก.พ. 68 แนะนำ หุ้นที่จะเข้า MSCI Global Small Cap อย่าง GPSC SCGP และระมัดระวังหุ้น PTTGC TOP ที่ออกจาก MSCI Global Standard

PTT: มองราคาหุ้นมีปัจจัยกระตุ้นจากราคาน้ำมันที่ปรับตัวขึ้น และกำไร 4Q67 ออกมาดีกว่าคาดเล็กน้อย และมีการประกาศจ่ายเงินปันผลจากกำไร 2H67 หุ้นละ 1.30 บาท (XD 6 มี.ค.) คิดเป็น Div. Yield 4.1% 1Q68 คาดกำไรจะปรับตัวดีขึ้นเล็กน้อย QoQ จากกำไรที่สูงขึ้นของกลุ่มธุรกิจก๊าซ 
LHHOTEL: Top Pick ในกลุ่ม REITs และ IFFs โดย 4Q67 คาดกำไรทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ 467 ลบ. เพิ่มขึ้น 46%YoY และ 0.3%QoQ หนุนจากรับรู้รายได้จากสินทรัพย์ใหม่ที่เข้าลงทุนเพิ่มใน 4Q66 และปัจจัยตามฤดูกาล 1Q68 คาดกำไรจะเติบโตต่อเนื่อง YoY หลังมองผลกระทนนักท่องเที่ยวจีนจำกัด ส่วนเงินปันผล 4Q67 คาดอยู่ที่ 0.34 บาท/หน่วย

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *