
คาด SET มีแนวโน้มปรับลงได้ต่อ หลัง ปธน. ทรัมป์ยืนยันเก็บภาษีแคนาดา เม็กซิโก และจีน มีผลวันนี้ อีกทั้งกังวลสงครามการค้ารอบใหม่หากจีนตอบโต้ด้วยการขึ้นภาษีสินค้าเกษตรจากสหรัฐฯ ขณะที่ยังไม่มีปัจจัยบวกใหม่ๆ เข้ามาช่วยประคอง ประเมินแนวรับที่ 1180 – 1170 จุด ส่วนแนวต้านอยู่ที่ 1200 – 1205 จุด

• กลุ่มโอเปกพลัสตัดสินใจที่จะเดินหน้าเพิ่มกำลังการผลิตน้ำมันโดยสมัครใจ 2.2 ล้านบาร์เรล/วันตั้งแต่เดือน เม.ย. ตามแผนที่วางไว้ โดยระบุว่าปัจจัยพื้นฐานและแนวโน้มของตลาดน้ำมันยังคงแข็งแกร่ง
• ISM เผย PMI ภาคการผลิตสหรัฐฯ ก.พ. ปรับลงสู่ 50.3 ต่ำกว่าตลาดคาด ได้รับผลกระทบจากการปรับตัวลงของคำสั่งซื้อใหม่และการจ้างงาน รวมทั้งความกังวลเกี่ยวกับการทำสงครามการค้าของสหรัฐฯ
• ปธน. ทรัมป์ยืนยัน สหรัฐฯ จะเก็บภาษีสินค้านำเข้าจากแคนาดาและเม็กซิโกในอัตรา 25% ตั้งแต่ 4 มี.ค. โดยทั้งสองประเทศไม่มีช่องทางที่จะหลีกเลี่ยงมาตรการภาษีได้อีก และสหรัฐฯ จะเริ่มใช้มาตรการภาษีตอบโต้กับทุกประเทศที่เก็บภาษีสินค้านำเข้าจากสหรัฐฯ ตั้งแต่ 2 เม.ย.
• สื่อจีนรายงานว่าจีนเตรียมตอบโต้มาตรการภาษีของสหรัฐฯ ที่จะเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจีนเพิ่มเติมอีก 10% ที่จะเริ่มตั้งแต่ 4 มี.ค. นี้ โดยการเรียกเก็บภาษีนำเข้าสินค้าเกษตรและอาหารจากสหรัฐฯ
• ติตามการกล่าวสุนทรพจน์ของปธน. ทรัมป์ ต่อสภาคองเกรสในวันที่ 5 มี.ค. (09.00 น. เวลาไทย) เป็นการกล่าวปราศรัยต่อสมาชิกรัฐสภาและชาวอเมริกันทั่วประเทศเป็นครั้งแรก หลังรับตำแหน่งปธน. สหรัฐฯ
• ครม. อนุมัติงบกลาง 153 ลบ. ดำเนินโครงการ Maha Songkran World Water Festival 2025 ตามที่กระทรวงท่องเที่ยวฯ เสนอ คาดดึงดูดนักท่องเที่ยวได้กว่า 8 แสนคน และมีเงินหมุนเวียน 3.2 พันลบ.
• รมว. คลังรายงานนายกฯ ความคืบหน้าการหารือการกระตุ้นเศรษฐกิจ แบ่งเป็นแผนระยะสั้น เช่น เร่งการเบิกจ่ายงบฯ -โครงการลงทุน เป็นต้น และแผนระยะยาว เช่น ปฏิรูปอุตสาหกรรมและเกษตรแบบ Sandbox และโครงสร้างราคาพลังงาน เตรียมจัดทำแผนได้ภายใน 2 สัปดาห์

ช่วงสั้นมอง SET ฟื้นตัวจำกัด จากความกังวลเสถียรภาพทางการเมืองในประเทศและการเติบโตของเศรษฐกิจไทยที่อยู่ในระดับต่ำและฟื้นตัวช้าเมื่อเทียบกับประเทศเพื่อนบ้าน อย่างไรก็ดี หากเปรียบเทียบในเชิง Valuation จะพบว่า ระดับ PER ของ SET ที่ 12-13 เท่า อาจจะดูเหมือนสูงกว่าตลาดหุ้นในภูมิภาค แต่มองว่าสัดส่วนภาคบริการของไทยมีมากกว่าเมื่อเทียบกับตลาดอื่นๆ ขณะที่เศรษฐกิจสหรัฐยังแข็งแกร่ง แม้จะมีสัญญาณชะลอตัวลงแต่จะได้รับแรงหนุนจากการปรับลดดอกเบี้ยของเฟดเช่นเดียวกับธนาคารกลาง ECB ที่ตลาดคาดจะมีมติปรับลดดอกเบี้ย 25bps สู่ 2.50% ส่วนเศรษฐกิจจีนยังได้รับแรงสนับสนุนจากมาตรการของรัฐ ดังนั้นกลยุทธ์ลงทุนจึงแนะนำให้ “Selective Buy”


มอง SET จะฟื้นตัวจำกัด กังวลปัจจัยในประเทศและสงครามการค้า กลยุทธ์ลงทุนแนะนำให้ “Selective Buy” ใน 3 ธีมหลักที่มีปัจจัยบวกเฉพาะตัว และ 2 ธีมเทรดดิ้งระยะสั้น ดังนี้
- หุ้น Undervalued เป็นหุ้น SET100 ที่คาดเป็นเป้าหมายกองทุน โดย 1) ปี 2568 คาดกำไรสามารถเติบโตได้ 2) ฐานะการเงินแข็งแกร่งและมีโอกาสซื้อหุ้นคืน (มี PBV < 1 เท่า) 3) Valuation ไม่แพง (PER และ PBV 2568F ต่ำกว่า -1SD) 4) SETESG Rating ระดับ A-AAA และมีศักยภาพจ่ายปันผลสม่ำเสมอ แนะนำ CPALL BDMS MTC MINT BTG
- หุ้นปันผลคุณภาพดี โดย 1) มีสถิติจ่ายปันผลต่อเนื่อง 20 ปีขึ้นไป และมี SETESG Rating ระดับ A-AAA 2) คาดจ่ายเงินปันผลจากกำไรปี 2567 หลังหักปันผลระหว่างกาลแล้ว ยังให้ Div. Yield เกิน 4% และ Div. Payout Ratio มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นหรือทรงตัว และ 3) ปี 2568 ผลประกอบการยังแข็งแกร่ง และราคาหุ้นยังมี Upside เกิน 15% แนะนำ AP KTB BBL PTT SPALI KBANK
- หุ้น Earnings Play ซึ่งมองราคาหุ้นยังไม่ได้สะท้อนกำไร 1Q68 ที่คาดจะเติบโต YoY และ QoQ และมีศักยภาพจ่ายปันผลสม่ำเสมอ เลือก ADVANC TRUE AMATA TIDLOR MTC AU HTC
- Trading Idea : นักลงทุนที่รับความเสี่ยงได้แนะนำเก็งกำไร 1) หุ้นที่คาดได้อานิสงส์ดอกเบี้ยขาลง แนะนำ กลุ่ม REITs (LHHOTEL DIF), กลุ่มค้าปลีก (CPALL CPAXT) กลุ่มอสังหาฯ (AP SIRI), กลุ่มธนาคาร (TISCO KKP),กลุ่มเช่าซื้อ (MTC TIDLOR) และกลุ่มไฟฟ้า (GULF GPSC) และ 2) หุ้นที่คาดได้ Sentiment บวกจากงาน Opp. Day ซึ่งคาดโทนประชุมเป็นบวกในสัปดาห์หน้า CPALL BCP AMATA KLINIQ

BDMS : มองเป็นหุ้นปลอดภัยภายใต้ตลาดที่ผันผวนสูงและกำไรยังมีโมเมนตัมเติบโตต่อเนื่อง โดยปี 2568 คาดกำไรจะเติบโตอย่างแข็งแกร่งที่ 8%YoY ขณะที่ปัจจุบันราคาหุ้นซื้อขายที่ PER 2568F ระดับ 21 เท่า ซึ่งต่ำกว่าระดับ -2SD ของ PER เฉลี่ย 10 ปี ซึ่งมองว่าเป็นระดับที่น่าสนใจที่สุดในกลุ่มการแพทย์
MTC : มองราคาหุ้นมีปัจจัยกระตุ้นระยะสั้นจากได้อานิสงส์ของการปรับลดดอกเบี้ยลง ขณะที่ปี 2568 คาดกำไรจะเติบโตดีที่ 17%YoY โดยได้แรงหนุนจากสินเชื่อที่เติบโตดีที่ 13%, NIM ที่ลดลง 17 bps และ credit cost ที่ลดลง 21 bps ส่วน Valuation ไม่แพง โดยปัจจุบันซื้อขายที่ PER และ PBV 2568F ระดับต่ำกว่า -2SD

