แนวโน้มตลาดวันนี้ : “แกว่งตัว รอความคืบหน้าเจรจาภาษี”

คาด SET เคลื่อนไหวในกรอบ ตลาดจับตาการต่อรองภาษีกับสหรัฐซึ่งไทยมีกำหนดเจรจา 23 เม.ย. นี้ ขณะที่ความกังวลสงครามการค้าสหรัฐ-จีนน่าจะผ่อนคลายลงหลัง ปธน. ทรัมป์ระบุอาจสั่งปรับลดภาษีที่เก็บจีนลงเพื่อไม่ให้การค้าหยุดชะงัก แต่คาดวันนี้มูลค่าซื้อขายน่ายังไม่หนาแน่น ตลาด ตปท. บางแห่งปิดทำการเนื่องในวันอีสเตอร์ ประเมินแนวรับที่ 1140-1130 จุด แนวต้านที่ 1160-1170 จุด

• IMF คาดเศรษฐกิจโลกจะถูกระทบจากความตึงเครียดด้านการค้าที่เพิ่มขึ้น แต่จะไม่ถึงกับเผชิญภาวะถดถอย โดยจะมีการประกาศ GDP ใหม่ในรายงาน World Economic Outlook ฉบับปรับปรุงในวันอังคารที่ 22 เม.ย. จากต้นปีคาดปี 2568-69 GDP จะเติบโตปีละ 3.3%
• ผู้ว่า BoJ ส่งสัญญาณจะเดินหน้าขึ้นดอกเบี้ยนโยบาย หากเงินเฟ้อพื้นฐานเคลื่อนตัวสู่ระดับเป้าหมายที่ 2% ขณะที่จะประเมินผลกระทบเศรษฐกิจจากความไม่แน่นอนจากสงครามการค้าอย่างระมัดระวัง
• ปธน. ปูตินประกาศหยุดยิงในยูเครนเนื่องในวันอีสเตอร์เป็นเวลา 30 ชั่วโมง ด้านยูเครนชี้แค่สร้างภาพลวงตา ส่วนสหรัฐเผยจะถอนตัวเป็นคนกลางไกล่เกลี่ยสันติภาพรัสเซียกับยูเครน หากยังไม่มีความคืบหน้า
• บริษัทวิจัย IDC เผยว่ายอดจัดส่ง iPhone ของ Apple ในจีนลดลง 9%YoY สู่ 9.8 ล้านเครื่อง ใน 1Q68 และเป็นแบรนด์เดียวที่มียอดจัดส่งลดลง ทำให้ส่วนแบ่งตลาดลงลดเหลือ 13.7% จาก 17.4% ใน 4Q67 ขณะที่ยอดจัดส่ง Xiaomi เพิ่มขึ้น 40%YoY สู่ 13.3 ล้านเครื่อง
• สศค. เผยการเบิกจ่ายงบลงทุนภาครัฐช่วง 6 เดือนแรก (ต.ค. 67 – มี.ค. 68) มีเพียง 2.3 แสนลบ. หรือ 26.3% ของวงเงิน ต่ำกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้และจำเป็นต้องเร่งรัดเบิกจ่ายช่วงครึ่งซึ่งมีวงเงินอีก 5 แสนลบ.
• ททท. เผยงาน Maha Songkran World Water Festival (11-15 เม.ย.) มีผู้เข้าร่วมกว่า 1.1 ล้านคน และมีเงินหมุนเวียนกว่า 4 พันลบ. ส่วนการเดินทางช่วงสงกรานต์ (12-16 เม.ย.) มีนักท่องเที่ยวรวม 5.27 ล้านคน เพิ่มขึ้น 27% สร้างรายได้ราว 2.87 หมื่นลบ. เพิ่มขึ้น 17%YoY

ช่วงสั้นมอง SET ยังแกว่งตัวผันผวนและการซื้อขายจะเป็นไปอย่างระมัดระวัง เนื่องจากนักลงทุนยังกังวลความไม่แน่นอนเกี่ยวกับมาตรการภาษีศุลกากรของสหรัฐที่มีต่อประเทศคู่ค้า รวมทั้งยังต้องติดตามความคืบหน้าการเจรจาทางการค้าระหว่างสหรัฐและจีน ซึ่งหากสถานการณ์ยังยืดเยื้อและทวีความรุนแรงขึ้นจะส่งผลกดดันต่อการขยายตัวของเศรษฐกิจโลกและบรรยากาศการลงทุนในตลาดสินทรัพย์เสี่ยงทั่วโลก ขณะที่ในประเทศมองยังไร้ปัจจัยบวกใหม่และอยู่ระหว่างจับตาการเข้าเจรจาทางการค้าของรัฐบาลไทยกับสหรัฐ ซึ่งคาดข้อสรุปอาจต้องใช้เวลา 2-3 เดือน ดังนั้นกลยุทธ์ลงทุนจึงคงแนะนำให้ “Selective Buy”

มอง SET แกว่งตัวผันผวนและการซื้อขายยังเป็นไปอย่างระมัดระวัง จากกังวลความไม่แน่นอนของนโยบายการค้าของสหรัฐ และรอติดตามการเจรจาทางการค้าระหว่างสหรัฐและประเทศคู่ค้า โดยเฉพาะะจีน กลยุทธ์ลงทุนจึงแนะนำให้ “Selective Buy” ใน 2 ธีมหลัก และ 1 ธีมเทรดดิ้ง ที่มีปัจจัยบวกเฉพาะตัว ดังนี้

  1. หุ้นที่คาดเป็นเป้าหมาย ThaiESGX โดย 1) ปี 2568 คาดกำไรเติบโต YoY 2) ฐานะการเงินแกร่ง และ 3) จ่ายปันผลสม่ำเสมอ คาดให้ Div. Yield อย่างน้อยปีละ 3% พบหุ้นน่าสนใจ SET50: ADVANC BBL BDMS CPALL PTT และ SET100: BCH BTG
  2. หุ้น Undervalued ซึ่งปัจจุบันซื้อขายที่ PER และ PBV 68F ระดับต่ำกว่า -1SD และมี SET ESG Ratings ระดับ A-AAA ขณะที่ปี 2568 คาดกำไรยังเติบโตได้ดี YoY และมีฐานะการเงินแข็งแกร่ง อีกทั้งมีศักยภาพจ่ายเงินปันผลได้อย่างสม่ำเสมอ โดยคาดให้ Div. Yield ปี 2568 อย่างน้อยปีละ 3% แนะนำ BJC CPF AP HMPRO OR
  3. Trading Idea: นักลงทุนที่รับความเสี่ยงได้สูงและต้องการเก็งกำไรภายใต้สงครามการค้าที่มีท่าทีรุนแรงขึ้น แนะนำ หุ้นที่มีรายได้ภายในประเทศเป็นหลักซึ่งจะต้านทานความผันผวนของเศรษฐกิจโลกได้ดีกว่า โดยเฉพาะหากสามารถกำหนดราคาและส่งผ่านต้นทุนที่เพิ่มขึ้นได้ อีกทั้งคาดจะได้ประโยชน์จากการปรับลงของราคาน้ำมันและดอกเบี้ย ได้แก่ BCH CPALL CPAXT GULF MTC OR และ TRUE ขณะที่แนะนำหลีกเลี่ยงกลุ่มที่ได้ผลกระทบทางตรงจากส่งออกไปสหรัฐ ได้แก่ อิเล็กทรอนิกส์ ยานยนต์ ยาง สินค้าเกษตร เครื่องประดับ และกลุ่มที่ได้ผลกระทบทางอ้อม ได้แก่ นิคม ท่องเที่ยว ธนาคาร

CPALL : มองเป็นหุ้นปลอดภัยภายใต้ตลาดผันผวนและคาดเป็นหุ้นเป้าหมายของกองทุน ThaiESGX หลังมี SET ESG Ratings “AAA” อีกทั้ง Valuation น่าสนใจ โดยซื้อขาย PER 68F ที่ 15.7 เท่า (-2S.D. จากค่าเฉลี่ย 10 ปี) ขณะที่ 1Q68 คาดกำไรปกติเติบโต 12%YoY จากยอดขายและอัตรากำไรขั้นต้นดีขึ้น ส่วนปี 68 คาดกำไรเติบโต 15%YoY ดีสุดในกลุ่มพาณิชย์

GULF: มองราคาหุ้นมีปัจจัยกระตุ้นระยะสั้นจาก Bond Yield ที่ปรับลงและคาดเป็นหุ้นเป้าหมายของกองทุน ThaiESGX หลังมี SET ESG Ratings “AAA” ขณะที่ 1H68 คาดกำไรยังแข็งแกร่งจากขยายกำลังผลิต ส่วนการควบรวมกิจการกับ INTUCH ที่เสร็จสิ้นไปแล้วจะทำให้งบดุลบริษัทดีขึ้น เพิ่มศักยภาพในการกู้ยืม และช่วยลดต้นทุนดอกเบี้ยในระยะกลาง

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *